ส่วนไฟแฟลชแบบธรรมดา
ที่ไม่สามารถซูมได้ที่ด้านหลังของไฟแฟลชจะมีไกด์
บอกการใช้แฟลชดังนี้
การใช้งาน 1.
เมื่อซื้อฟิล์มมาแล้วให้ดูข้างๆกล่องหรือที่ม้วนฟิล์มจะมีเขียน
ASA/ISO 100/21 หรือISO |
![]() |
แผงที่เลื่อนตามโดยอัตโนมัติ ก็คือขนาดความกว้างของรูรับแสงที่จะใช้นั่นเอง เช่น f 22 -16 -11-8 - 5.6- 4-2.8 -2-1.4และแถวต่อมาก็คือ ระยะทางระหว่างกล้องกับวัตถุที่จะถ่ายนั่นเอง (คนถ่ายกับนางแบบยืนห่างกันกี่เมตร) m 0.7 -1-1.5-3-5-7-10- 15-20-30-50 จากภาพด้านขวามือจะเป็นว่า แฟลชตัวนี่ถ่ายได้ไกลสุดที่ 50 เมตร เมื่อใช้ฟิล์ม ISO100และf 1.4 การใช้งาน (ดูภาพประกอบ) เมื่อตั้งความไวแสงที่ 100 และยืนห่างแบบที่ถ่าย 5 เมตร เปิดหน้ากล้องที่ 5.6 ถ้าหากแบบยืนห่างไป 6-7 เมตรเปิด f 4 ถ้าแบบยืนห่างไป 10 เมตรเปิด f 2.8 แต่มีข้อควรจำว่าระวังรอบๆข้างและหลังแบบจะมืดไป เพราะแสงไม่ถึง ที่เคยๆมาจะเปิดเพิ่มอีก ครึ่ง หรือ 1 สตอป ถ้ายืนห่าง 5 เมตร ก็อาจจะใช้ f 4 หรือระหว่าง 4 กับ5.6 ต้องลองดูแฟลชใครแฟลชมัน แต่นี่คือ ไกด์พื้นฐานเท่านั้น เราต้องทดลองเองนะ ส่วนสัญญลักษณ์ที่เหมือนสายฟ้าคือปุ่มทดสอบแฟลช และช่องขาวๆขวามือสุด ไฟจะแดงเมื่อแฟลชพร้อมที่จะยิง เลขศูนย์บางแฟลชก็ไม่มีกดดูกำลังของแบตเตอร์รี่ | |
2.
การใช้ไฟแฟลชแบบมีซูม
วิธีการตั้ง ISO
และการอ่านไกด์ทำเหมือนกัน
แต่มีพิเศษขึ้นมาก็ตรงที่มีแถวบอกระยะการใช้เลนส์ซูม
เท่านั้นเอง 1.ตั้ง ISO/ASA 100 2.ในกรณีที่กล้องของเรามีเลนส์ซูม บางครั้งเราต้องการภาพมุมกว้างเราต้องใช้ระยะเลนส์ 28 มม. เราต้องดึงซูมแฟลชเป็นขนาด 28 มม.ด้วย ดูภาพประกอบ ไฟเขียวจะตรงกลางพอดี และ f 5.6 (แต่แฟลชที่เป็นยี่ห้อเดียวกับกล้องจะสามารถซิงค์กันได้คือไม่ต้องตั้งแฟลช แต่แฟลชจะเปลี่ยนสภาพไปพร้อมๆกับที่เราดึงเลนส์ว่าใช้เลนส์ซูม- มุมกว้าง) และแถวต่อมา จะบอกระยะเป็นเมตรเช่นกัน การอ่านก็อ่านเช่นเดียวกับการใช้แฟลชธรรมดา แฟลชชนิดนี้จะกระจายแสงให้กว้างตามขนาดเลนส์ และเมื่อดึงเนส์เป็นเทเลดึงภาพเข้ามา แฟลชก็จะเปลี่ยนเป็น 80-105 ตามและอ่านไกด์แฟลชได้เช่นกัน |
![]() |
แฟลชบางชนิดที่สามารถก้มเงยได้จะมีแผ่นสะท้อนแสง
กรณีที่ถ่ายแบบสาวๆ
แล้วต้องการแสงนุ่มๆ
ให้เงยแฟลชขึ้นแสงจะกระจายสะท้อนไปยังแบบ
ไฟแฟลชบางชนิดจะมี
อักษรให้ตั้งความแรงของแฟลชดังนี้ A = ตั้งแฟลชไว้ที่อัตโนมัติ แฟลชจะปรับความสว่างของไฟที่ยิงออกไปเอง แม้เราจะปรับดึงซูมไว้ก็ตามทุกอย่างจะเป็นระบบอัตโนมัติ |
![]() |
M =
เรากำหนดเองทุกอย่างตั้งแต่หน้ากล้อง
และความสว่างของแฟลช
เมื่อดึงซูมไว้หรือตั้งผิดก็จะ
เสียทันที T = สำหรับถ่ายภาพที่ใช้เลนส์เทเลหรือดึงไว้เข้ามาใกล้ แต่เรายืนห่างแบบ กำลังแสงจะแคบแต่ยิงตรงไปอย่างแรง |
การเปิดแฟลช จะมีวิทช์ให้เลือก on = เปิดแฟลช off = ปิดแฟลช stanby= แฟลชจะติดโดยอัตโนมัติเมื่อเรากดชัตเตอร์ยิงภาพ และจะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อไม่กดชัตเตอร์ 5- 15 นาที แล้วแต่ ยี่ห้อสะดวกดีเพราะเป็นการเซฟแบตเตอร์รี่ แต่ข้อควรระวังของการใช้โหมดstanbyนี้ คือ หากถ่ายภาพติดๆกันและตั้งไว้ที่ T/M ไฟแฟลชจะยิงติดๆทุกครั้งก็จริงแต่ความแรงของไฟจะอ่อน เพราะเครื่องยังอัดปะจุยังไม่เต็มมาตารฐานแต่ต้องยิงออกไปก่อน |
การตั้งความเร็วชัตเตอร์ให้สัมพันธ์กับไฟแฟลช กล้องทุกชนิดจะมีข้อจำกัดในการรับแสง ที่ความเร็วชัตเตอร์ต่างกัน ให้ดูที่ตัวเลขที่ตั้ง ความเร็วชัตเตอร์ที่กล้องนั้น จะมีสีต่างออกไป หมายความว่า ความเร็วชัตเตอร์นั้นลงมารับแสงกับไฟแฟลชได้ ภาพนี้ ควาเร็วตั้งแต่ S/250ลงมารับไฟแฟลชได้ | ![]() |
ส่วนใครที่ตั้งเร็วกว่านี้ก็จะเห็นว่าแสงดำไปครึ่งภาพ หรือ1/3 ของภาพทั้งแนวนอน หรือแนวตั้งของภาพ นั่นย่อมหมายถึง ความเร็วชัตเตอร์เร็วไป ขณะที่แสงจากไฟแฟลชยังรับได้ไม่เต็มภาพ ชัตเตอร์ก็ปิดเสียก่อนแล้ว ภาพจึงได้ครึ่งเสียครึ่ง(บางคนบอกผีหลอกน่ะ เมล์มาถามเรื่อยๆ) |
ขอจบไปก่อน ใครที่ต้องใช้แฟลชถ่ายย้อนแสงให้ไปที่ การถ่ายภาพย้อนแสง