การใช้ไฟแฟลชถ่ายภาพ (ไม่ใช่แฟลตที่สิงสถิตย์นะ)
ไฟแฟลชมีไว้เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับภาพที่เราจะถ่าย ไฟแฟลช มีหลายแบบหลายยี่ห้อ แต่รวมๆแล้วก็ให้แสงสว่าเหมือนกัน   และหน้าที่ที่สำคัญอีกอย่างคือใช้เปิดหน้าแบบ เวลาที่เราถ่ายภาพย้อนแสง และอยากได้วิวด้านหลังแบบด้วย เช่น สาวยืนอยู่ริมทะเลพระอาทิตย์กำลัง จะตกดินสวยมาก   อยากได้ทั้งแบบว่าเห็นหน้าตาสะสวยแค่ไหนและมีฉากหลังเป็นอาทิตย์กำลังตกดิน ด้วย แทนความจำ ความรู้สึกที่มีในตอนนั้นๆแหละ (หลังจากนั้นก็ลืม ต้องเอารูปมาดูระลึกอดีตชาติ) flaport.gif (4098 bytes)
ชนิดของไฟแฟลช ก็มี ไม่กี่อย่างหรอก เอาแต่พอใช้งานเท่านั้นแหละพอ

1.ไฟแฟลชที่ติดมากับกล้องถ่ายภาพ แบบนี้ให้กำลังแสงน้อยหน่อย ต้องถ่ายใกล้แบบนะ ไฟแฟลชที่ติดมากับกล้อง ไม่สามารถปรับอะไรได้การใช้งานก็ เพียงแต่เอามือกดปุ่มสวิทช์ด้านข้างบน กล้องไฟแฟลชที่พับไว้จะกระดกออกมา หากแสงไม่พอมันก็จะยิงไฟออกมาเอง

calogo.gif (5617 bytes)
2. ไฟแฟลชแบบซูมไม่ได้ คือไม่สามารถถ่ายห่างจากวัตถุไกลๆได้ จะบอกไว้ที่ตัวแฟลชว่าถ่ายได้ไม่เกินกี่เมตร และบางชนิดก็สามารถก้มเงยแฟลชได้ metz.gif (4315 bytes)
3. ไฟแฟลชแบบซูมได้   อันนี้ดี แล้วก็แพงหน่อย สามารถถ่ายได้ไกลแบบ เทเล และ ใกล้แบบมุมกว้างและถ่ายธรรมดาระยะปกติ สามารถเพิ่มและลดกำลังแสงสว่าง ที่ยิงออกไปได้ตามใจนึก แต่ใช้ยากหน่อย ต้องระวังเลือกให้ตรงกับชนิดของเลนส์ที่ใช้ด้วย   หมายเลข 1 ก้มเงยแฟลช หมายเลข 2 ใช้ดึงซูมแฟลชใกล้ไกลตามระยะของเลนส์ซูมที่ใช้ flazoom.gif (5747 bytes)
มาดูรายละเอียดของการใช้แฟลชและไกด์ต่างๆบนตัวแฟลชกันเถอะ
ส่วนไฟแฟลชแบบธรรมดา ที่ไม่สามารถซูมได้ที่ด้านหลังของไฟแฟลชจะมีไกด์ บอกการใช้แฟลชดังนี้   การใช้งาน 

1. เมื่อซื้อฟิล์มมาแล้วให้ดูข้างๆกล่องหรือที่ม้วนฟิล์มจะมีเขียน ASA/ISO 100/21  หรือISOflim.gif (6202 bytes) 200/24 หมายความว่าฟิล์มนั้นมีความไวแสง 100 หรือ 200 ISO มาดูที่แฟลชด้านขวามือ บรรทัดแรกจะเห็น ISO  25 50  100  200   400  800  1000 และมีสวิทช์สีขาวๆเลื่อนได้ ให้ตั้งสวิทช์นั้น ไปให้ตรงกับที่อยู่บนกล่องฟิล์ม (สมมุติว่า ISO= 100 ก็แล้วกัน) ผลักสวิทชืไปอยู่ที่ขีด 100 แผงด้านล่างจะเลื่อนตามโดยอัตโนมัติ นี่คือการตั้งแฟลชให้ตรงกับความไวแสงของฟิล์มที่ใช้

metzg.gif (14909 bytes)ขีดขาวตรง 100 ตรงกับ5.6 ตรงกับ5 เมตร
แผงที่เลื่อนตามโดยอัตโนมัติ ก็คือขนาดความกว้างของรูรับแสงที่จะใช้นั่นเอง   เช่น f 22 -16 -11-8 - 5.6- 4-2.8 -2-1.4และแถวต่อมาก็คือ ระยะทางระหว่างกล้องกับวัตถุที่จะถ่ายนั่นเอง (คนถ่ายกับนางแบบยืนห่างกันกี่เมตร) m 0.7 -1-1.5-3-5-7-10- 15-20-30-50   จากภาพด้านขวามือจะเป็นว่า แฟลชตัวนี่ถ่ายได้ไกลสุดที่ 50 เมตร เมื่อใช้ฟิล์ม ISO100และf 1.4  การใช้งาน (ดูภาพประกอบ)   เมื่อตั้งความไวแสงที่ 100 และยืนห่างแบบที่ถ่าย 5 เมตร เปิดหน้ากล้องที่ 5.6    ถ้าหากแบบยืนห่างไป 6-7 เมตรเปิด f 4 ถ้าแบบยืนห่างไป 10 เมตรเปิด  f 2.8   แต่มีข้อควรจำว่าระวังรอบๆข้างและหลังแบบจะมืดไป เพราะแสงไม่ถึง ที่เคยๆมาจะเปิดเพิ่มอีก   ครึ่ง หรือ 1 สตอป ถ้ายืนห่าง 5 เมตร ก็อาจจะใช้ f 4 หรือระหว่าง 4 กับ5.6  ต้องลองดูแฟลชใครแฟลชมัน แต่นี่คือ ไกด์พื้นฐานเท่านั้น เราต้องทดลองเองนะ   ส่วนสัญญลักษณ์ที่เหมือนสายฟ้าคือปุ่มทดสอบแฟลช และช่องขาวๆขวามือสุด ไฟจะแดงเมื่อแฟลชพร้อมที่จะยิง เลขศูนย์บางแฟลชก็ไม่มีกดดูกำลังของแบตเตอร์รี่
2. การใช้ไฟแฟลชแบบมีซูม   วิธีการตั้ง ISO และการอ่านไกด์ทำเหมือนกัน แต่มีพิเศษขึ้นมาก็ตรงที่มีแถวบอกระยะการใช้เลนส์ซูม เท่านั้นเอง

1.ตั้ง ISO/ASA  100 

2.ในกรณีที่กล้องของเรามีเลนส์ซูม บางครั้งเราต้องการภาพมุมกว้างเราต้องใช้ระยะเลนส์ 28 มม. เราต้องดึงซูมแฟลชเป็นขนาด 28 มม.ด้วย ดูภาพประกอบ ไฟเขียวจะตรงกลางพอดี และ f 5.6 (แต่แฟลชที่เป็นยี่ห้อเดียวกับกล้องจะสามารถซิงค์กันได้คือไม่ต้องตั้งแฟลช แต่แฟลชจะเปลี่ยนสภาพไปพร้อมๆกับที่เราดึงเลนส์ว่าใช้เลนส์ซูม- มุมกว้าง) และแถวต่อมา จะบอกระยะเป็นเมตรเช่นกัน   การอ่านก็อ่านเช่นเดียวกับการใช้แฟลชธรรมดา แฟลชชนิดนี้จะกระจายแสงให้กว้างตามขนาดเลนส์ และเมื่อดึงเนส์เป็นเทเลดึงภาพเข้ามา แฟลชก็จะเปลี่ยนเป็น 80-105 ตามและอ่านไกด์แฟลชได้เช่นกัน

flagid1.gif (18121 bytes)
แฟลชบางชนิดที่สามารถก้มเงยได้จะมีแผ่นสะท้อนแสง กรณีที่ถ่ายแบบสาวๆ แล้วต้องการแสงนุ่มๆ ให้เงยแฟลชขึ้นแสงจะกระจายสะท้อนไปยังแบบ    ไฟแฟลชบางชนิดจะมี อักษรให้ตั้งความแรงของแฟลชดังนี้

A = ตั้งแฟลชไว้ที่อัตโนมัติ แฟลชจะปรับความสว่างของไฟที่ยิงออกไปเอง   แม้เราจะปรับดึงซูมไว้ก็ตามทุกอย่างจะเป็นระบบอัตโนมัติ

flaref.gif (5981 bytes)
M = เรากำหนดเองทุกอย่างตั้งแต่หน้ากล้อง และความสว่างของแฟลช เมื่อดึงซูมไว้หรือตั้งผิดก็จะ เสียทันที

T =   สำหรับถ่ายภาพที่ใช้เลนส์เทเลหรือดึงไว้เข้ามาใกล้ แต่เรายืนห่างแบบ กำลังแสงจะแคบแต่ยิงตรงไปอย่างแรง

การเปิดแฟลช   จะมีวิทช์ให้เลือก on = เปิดแฟลช   off =  ปิดแฟลช  stanby= แฟลชจะติดโดยอัตโนมัติเมื่อเรากดชัตเตอร์ยิงภาพ และจะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อไม่กดชัตเตอร์    5- 15 นาที แล้วแต่ ยี่ห้อสะดวกดีเพราะเป็นการเซฟแบตเตอร์รี่ แต่ข้อควรระวังของการใช้โหมดstanbyนี้ คือ หากถ่ายภาพติดๆกันและตั้งไว้ที่ T/M ไฟแฟลชจะยิงติดๆทุกครั้งก็จริงแต่ความแรงของไฟจะอ่อน เพราะเครื่องยังอัดปะจุยังไม่เต็มมาตารฐานแต่ต้องยิงออกไปก่อน
ข้อควรจำ
การตั้งความเร็วชัตเตอร์ให้สัมพันธ์กับไฟแฟลช   กล้องทุกชนิดจะมีข้อจำกัดในการรับแสง ที่ความเร็วชัตเตอร์ต่างกัน   ให้ดูที่ตัวเลขที่ตั้ง ความเร็วชัตเตอร์ที่กล้องนั้น จะมีสีต่างออกไป หมายความว่า ความเร็วชัตเตอร์นั้นลงมารับแสงกับไฟแฟลชได้ ภาพนี้ ควาเร็วตั้งแต่ S/250ลงมารับไฟแฟลชได้ p39.jpg (15137 bytes)
ส่วนใครที่ตั้งเร็วกว่านี้ก็จะเห็นว่าแสงดำไปครึ่งภาพ หรือ1/3 ของภาพทั้งแนวนอน หรือแนวตั้งของภาพ นั่นย่อมหมายถึง ความเร็วชัตเตอร์เร็วไป ขณะที่แสงจากไฟแฟลชยังรับได้ไม่เต็มภาพ   ชัตเตอร์ก็ปิดเสียก่อนแล้ว ภาพจึงได้ครึ่งเสียครึ่ง(บางคนบอกผีหลอกน่ะ เมล์มาถามเรื่อยๆ)

ขอจบไปก่อน ใครที่ต้องใช้แฟลชถ่ายย้อนแสงให้ไปที่ การถ่ายภาพย้อนแสง

คุณกำลังอยู่ที่หน้า 18                                         กลับไปอ่านใหม่ทีซิเรื่องของเลนส์      ไปอ่านหน้าที่ 2 เรื่องของแฟลช